วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ครั้งที่ 3

การใช้โปรแกรม Photoshop


1. การปรับแต่งภาพกราฟิก

ไฟล์ภาพที่ได้จากกล้องดิจิตอลเป็นไฟล์กราฟิกประเภทหนึ่งในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีชื่อเรียกว่าไฟล์ภาพแบบ “บิทแมพ”(Bitmap) คุณสมบัติที่สำคัญของไฟล์ประเภทนี้คือประกอบขึ้นจากจุดสีขนาดเล็กจำนวนมากที่เรียกว่า “พิกเซล”(Pixel) เรียงตัวกันเป็นรูปตาราง เนื่องจากจุดสีเหล่านี้เล็กมากเมื่อเรามองแบบรวม ๆ จึงเห็นเป็นภาพถ่ายที่มีการไล่ระดับสีสมจริงเหมือนธรรมชาติ

การปรับภาพให้คมชัด (Unsharp Mask) Photoshop สามารถปรับภาพที่เบลอให้คมชัดขึ้นได้ แต่คำสั่งนี้จะให้ผลดีในระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะถ้าปรับมากเกินไปจะทำให้เห็นขอบวัตถุในภาพเป็นเส้นหรือรัศมีอย่างชัดเจนจนดูไม่ได้สมจริง
เลือกคำสั่ง Filter >sharpen>Unsharp Mask

การใช้ Fillter Gallery
Fillter Gallery เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราใส่ฟิลเตอร์ให้กับภาพได้ครั้งละหลายตัวโดยไม่ต้องทำทีละคำสั่ง มีภาพตัวอย่างแสดงให้เห็นผลลัพธ์รวมของฟิลเตอร์ทั้งหมดทันที และสามารถปรับแต่งออปชั่นหรือสลับลำดับของฟิลเตอร์ได้เครื่องมือนี้จึงช่วยให้การสร้างเอฟเฟ็คต์เพิเศษที่ต้องใช้ฟิลเตอร์หลายตัวประกอบกันสะดวกรวดเร็วขึ้นมาก

การเปิด Dry Brush ทำใด้ 2 วิธี
(1) เปิดจากคำสั่ง Fillter > Fillter Gallery กรณีนี้ฟิลเอตร์ชุดเดิมที่คุณเคยเลือกไว้ด้วยวิธีนี้จะถูกเรียกกลับขึ้นมา

(2) เปิดจากคำสั่งของฟิลเตอร์ใดฟิลเตอร์หนึ่งจะถูกจัดอยู่ใน Fillter Gallery เช่น Fillter > Artistic > Dry Brush กรณีนี้ฟิลเตอร์ Dry Brush จะถูกเรียกใช้ก่อน หลักงานนั้นคุณสามารถเลือกฟิลเตอร์อื่น ๆ เพิ่มได้


2. การตัดต่อ/ตกแต่งภาพ

การตกแต่งภาพ เราอาจจะแต่งในภาพเพียงภาพเดียว หรือนำหลายๆ ภาพมาตกแต่งร่วมกัน โดยเลือกบางส่วนในแต่ละภาพมาประกอบกัน เราสามารถเลือกส่วนของภาพนั้นได้ด้วยเครื่องมือที่ชื่อ Marquee Tool ซึ่งเป็นเครื่องมือตัวแรก ของชุดเครื่องมือ ประกอบด้วย

Rectangle Maquee Tool สำหรับเลือกส่วนของภาพในแบบสี่เหลี่ยมตามที่ต้องการ สังเกตว่าที่เครื่องมือนี้ จะมีเครื่องหมายสามเหลี่ยม อยู่ที่มุมล่างด้านขวา แสดงว่าจะมีเครื่องมือในแบบเดียวกันซ่อนอยู่ด้วย โดยเราสามารถเรียกใช้ด้วยการคลิ้กเมาส์ค้างไว้ ก็จะปรากฏเครื่องมือต่างๆ ที่อยู่ในชุดนี้ขึ้นมา

Elliptical Maquee Toolใช้สำหรับเลือกส่วนของภาพในแบบวงกลมหรือวงรีตามที่ต้องการ

Single Row Maquee Toolใช้สำหรับเลือกส่วนของภาพในแบบ 1 พิกเซล ตามแนวนอน

Single Column Maquee Tool ใช้สำหรับเลือกส่วนของภาพในแบบ 1 พิกเซล ตามแนวตั้ง


Move Toolสำหรับเคลื่อนย้ายภาพหรือส่วนของภาพที่เราต้องการ ไปยังตำแหน่งใหม่ หรือไปตกแต่งร่วมกับภาพอื่น การใช้งานเพียงแค่คลิ้กเมาส์ที่ส่วนนั้น แล้วลากไปปล่อยทิ้งในตำแหน่งที่ต้องการ
เลือกส่วนของภาพแบบอิสระ
ในการตกแต่งภาพจริงๆ นั้น มักจะมีการเลือกแบบอิสระ หรือตามรูปร่างของบริเวณภาพที่ต้องการ ซึ่งเราสามารถเลือกได้ด้วย
เครื่องมือ Lasso Tool โดยเครื่องมือในชุดนี้ จะประกอบด้วยเครื่องมือ 3 ตัวด้วยกัน คือ

Lasso Tool สำหรับเลือกส่วนของภาพแบบอิสระ ด้วยการคลิ้กเมาส์ค้างไว้ แล้วลากคลุมบริเวณที่เราต้องการ จนแนวเส้นการลากมาบรรจบกันอีกครั้ง ก็จะได้ขอบเขตการเลือกภาพที่ต้องการ สามารถใช้เครื่องมือ Move Tool ในการย้ายเพื่อตกแต่งต่อไปได้

Polygonal Lasso Tool สำหรับเลือกส่วนของภาพแบบอิสระ เช่นเดียวกับ Lasso Tool แต่เป็นการเลือกแบบทีละจุด ไปเรื่อยๆ ด้วยการคลิ้กเมาส์ที่จุดแรก แล้วปล่อย แล้วจึงค่อยคลิ้กที่จุดต่อๆ ไป จนแนวเส้นที่คลิ้ก มาบรรจบกันอีกครั้ง

Magnetic Lasso Tool สำหรับเลือกส่วนของภาพแบบอิสระ เช่นเดียวกับ Lasso Tool แต่เป็นการเลือกแบบเช็กค่าสีของภาพ เราเพียงแค่คลิ้กเมาส์ที่จุดแรก แล้วปล่อย จากนั้นลากเมาส์ไปเรื่อยๆ ให้ใกล้กับบริเวณที่เราต้องการ เครื่องมือนี้จะไล่ไปตามขอบเขตอัตโนมัติ แบบแม่เหล็ก ทำให้การเลือกภาพทำได้ง่ายและรวดเร็ว

3. การใช้งานเลเยอร์

ลักษณะการทำงานแบบเลเยอร์ เป็นเหมือนการวางแผ่นใส ซ้อนทับกันเป็นลำดับขั้นขึ้นมาเรื่อยๆ โดยแต่ละแผ่นใส เปรียบเสมือนเป็นแต่ละเลเยอร์ บริเวณของเลเยอร์ที่ไม่มีรูป จะเห็นทะลุถึงเลเยอร์ที่อยู่ข้างล่าง โดยกระบวนการเช่นนี้ จะทำให้เกิดเป็นรูปภาพสมบูรณ์ และทำให้เราสามารถจัดวางงานได้ง่าย

Layers Palette เป็นศูนย์รวมของเลเยอร์ทั้งหมด ที่มีอยู่ในภาพ โดยเรียงตามลำดับ จากเลเยอร์ที่อยู่บนสุดไปจนถึงเลเยอร์ที่อยู่ล่างสุด มี Scoolbar เลื่อนขึ้นลงเพื่อดูเลเยอร์ต่างๆ แต่ละเลเยอร์จะมีชื่อของเลเยอร์นั้นๆ อยู่
นอกจากนี้ Layers Palette ยังเป็นเหมือนตัวควบคุมลักษณะการใช้งานของเลเยอร์ทั้งหมด เราสามารถเรียก Layers Palette ขึ้นมาใช้งาน โดยการใช้คำสั่ง Window> Show Layers ที่แถบเมนู


Active Layer ในการใช้งานโปรแกรม Photoshop นั้นแม้จะประกอบไปด้วยเลเยอร์หลายเลเยอร์ แต่เราจะทำงานได้เพียงทีละเลเยอร์เท่านั้น เลเยอร์ที่เรากำลังทำงานอยู่ เราเรียกว่า Active Layer ซึ่งใน Layers Palette จะปรากฏเป็นแถบสีน้ำเงิน และมีไอคอนปรากฏอยู่ในช่องแสดงสถานะของเลเยอร์ เช่น แสดงว่ากำลังทำการปรับแต่งเลเยอร์อยู่ หรือ เป็นการเพิ่มเลเยอร์ Mask ให้กับเลเยอร์นั้น

การซ่อนและแสดงเลเยอร์
ภาพภาพหนึ่งจะประกอบไปด้วย เลเยอร์หลายเลเยอร์ ในบางครั้งหากเราต้องการปิดบางเลเยอร์ ไม่ให้มองเห็น ก่อน เพื่อความสะดวกในการทำงาน โดยที่ไม่ได้ลบเลเยอร์นั้นทิ้ง เราสามารถสั่งให้มีการซ่อน และแสดงเลเยอร์ได้ โดย
1. ซ่อนเลเยอร์โดย Click mouse ที่ เพื่อซ่อนเลเยอร์ ซึ่งช่องสถานะนั้นจะเปลี่ยนเป็น
2. ผลลัพธ์ที่ได้ คือ เลเยอร์ Mushroom จะหายไป
3. แสดงเลเยอร์โดย Click mouse ที่ อีกครั้งหนึ่ง เพื่อแสดงเลเยอร์ ช่องสถานะจะเปลี่ยนกลับมาเป็น
4. ผลลัพธ์ที่ได้ เลเยอร์ Mushroom จะปรากฏขึ้นอีกครั้ง
5. ซ่อนและแสดงหลายๆ เลเยอร์พร้อมกัน โดยการ Drag mouse ผ่านช่องสี่เหลี่ยมต่างๆ
6. ผลลัพธ์ที่ได้ เลเยอร์ Vegetable, Gevi, Orange และ Mushroom จะหายไป


4. การวาดภาพระบายสี

การเทสีภาพโดยใช้คำสั่ง Paint Bucket Tool
1. Selection เลือกพื้นที่ภาพที่เราต้องการเติมสี
2. Click mouse ที่ไอคอน
3. Click mouse ที่ Foreground Color เพื่อเลือกสีที่จะเติม
4. ปรับค่าสีที่จะเติมในภาพด้วย Tool Options bar โดยมีรายละเอียดต่างๆ
เลือกสีที่ใช้เติม ได้แก่ Foreground ใช้สีเดียวกับ Foreground color
Pattern เติมภาพด้วยลวดลาย

การไล่โทนสีภาพโดยการใช้คำสั่ง Gradient Toolการใช้งานคำสั่ง Gradient Tool
1. เลือกพื้นที่ที่ต้องการเทสีภาพ ในที่นี้คือ พื้นที่ที่เป็นเส้นประสี่เหลี่ยม
2. Click mouse ที่ไอคอน Gradient Tool
3. Click mouse เลือกรูปแบบไล่โทนสีที่ Tool Options bar
4. Drag mouse จากจุดเริ่มต้นไปยังจุดปลาย ตามตำแหน่งที่ต้องการ แล้วปล่อยเมาส์
- จุดที่เริ่มกดเมาส์ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น
- จุดที่ปล่อยเมาส์ ถือว่าเป็นจุดปลาย
การแสดงการไล่สี มี5รูปแบบ
1. Unear Gradtent Tool การไล่โทนสีในแนวเส้นตรง
2. Radial Gradient การไล่โทนสีตามรัศมีของวงกลม
3. Angular Gradient การไล่โทนสีแบบการวาดตามการหมุนของเข็มนาฬิกา
4. Reflected Gradient การไล่โทนสีแบบภาพสะท้อน
5. Diamond Gradient การไล่โทนสีแบบประกายแสงของเพชร

5. การสร้างอักษรและข้อความ

การพิมพ์ตัวอักษรลงในภาพ การพิมพ์ตัวอักษรหรือทำตัวอักษรศิลป์ก็คล้ายกับพิมพ์ในโปรแกรม Word หรือ Excel นั่นแหละครับ มีการกำหนดฟอนต์ตัวอักษร เลือกสไตล์ ขนาด การจัดกลาง การกำหนดสีหรือแม้กระทั่งการบิดข้อความทำให้เป็นรูปร่างต่าง ๆ คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนักเรียนนะครับ เดี๋ยวเรามาเริ่มกันเลย

เปิดไฟล์ภาพที่นักเรียนเคยบันทึกไว้ แล้วคลิก Horizontal type Tool ที่กล่องเครื่องมือ นักเรียนสังเกตมุมขวามือล่างที่พาเล็ต Layer จะเกิดเลเยอร์ใหม่ขึ้นมาเป็นรูปตัว
คลิกที่ภาพเมาส์จะกลายเป็นรูปเคอเซอร์กระพริบ ให้นักเรียนพิมพ์ตัวอักษรคำว่า Happy New Year 2005 จะเปลี่ยนชนิดของตัวอักษรก็คลิกเมาส์ที่ตัวอักษรแล้วลากคลุมดำทุกตัว เปลี่ยนฟอนต์ตัวอักษรและอื่น ๆ ได้ที่แถบออปชั่นบาร์ด้านบน
ต้องการเปลี่ยนรูปร่างของข้อความคลิกที่ Warp Text เลือก Style ตามต้องการ หากตัวอักษรที่ได้ไม่กลางหรือต้องการจะปรับขนาดใหม่ ให้คลิกที่ Edit >Free Transform คลิกเมาส์ค้างไว้แล้วลากไปวางยังตำแหน่งที่ต้องการ หากต้องการยืด หด ให้นำเมาส์มาชี้บริเวณมุมกรอบรอบตัวอักษรเมาส์จะเป็นรูป ื คลิกค้างแล้วลาก ต้องการหมุนตัวอักษรเอียงใช้เมาส์ชี้ที่มุมกรอบรอบตัวอักษรห่างจากกรอบพอประมาณเมาส์จะกลายเป็นรูป คลิกเมาส์ค้างไว้แล้วหมุน
กำหนดเอฟเฟคต์ให้ตัวอักษร คลิกเลือกเลเยอร์ที่มีคำว่า Happy Ne.. ให้เป็นสีน้ำเงิน เลือกพาเล็ต Style เลือกรูปแบบสไตล์ที่โปรแกรมสร้างไว้ได้เลย หรือหากต้องการเอฟเฟ็คต์เพิ่มเติมให้คลิกที่ปุ่ม Add a layer style เลือกทำเครื่องหมายถูกหน้าสไตล์ที่ต้องการ




วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เทคนิคนำการเสนอ 24/11/09


เทคนิคการนำเสนอ

จะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อผู้ฟังเกิดการยอมรับและพึงพอใจ จึงต้องใช้วิธีการสร้างสรรค์งานโฆษณา "เป็นกระบวนการสื่อสารข้อมูลให้เกิดผลต่อจิตใจ" ความเชื่อและทัศนคติของผู้บริโภค การสร้างสรรค์งานโฆษณา Advertising Creating "เพื่อให้ข่าวสารหรือโน้มน้าวใจให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความอยากได้และทดลองใช้สินค้าทีโฆษณา" หรือเป็นการส่งข้อมุล แนวความคิด ไปยังผู้รับสารด้วยรูปแบบที่ไม่ธรรมดา บางครั้งเป็นการบอกข่าวสารโดยทางอ้อม โดยผู้รับสารต้องไปตีความอีกขั้นหนึ่ง


"โฆษณาที่ดีต้องเข้าใจว่าสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการซื้อไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ Product แต่เป็นคุณประโยชน์ของProduct B... "

หลักสำคัญ ความตรงประเด็น เอกลักษณ์ ผลกระทบที่ดี ความเข้าใจง่าย น่าเชื่อถือ เหตุผลและอารมณ์
โดยอาศัยลีลา Tone ความพร้อมของอารมณ์ Mode สิ่งจูงใจ


วัตถุประสงค์

1. การวางกลยุทธ์ในการสร้างสรรค์
2. การนำเสนอความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในโฆษณา
3. การสร้างสรรค์ผลงานให้โดดเด่น มีประสิทธิภาพเสมอภาค






++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



แบบสรุปย่อทางการออกแบบ (Advertising Creating)



1. ชื่อเรื่อง (Title)




KMA Cosmetics Clear White Powder Cake





2. ข้อมูลเบื้องต้น (Background)

เคลียร์ ไวท์ พาวเดอร์ เค้กขาวบริสุทธิ์สะดุดใจ ด้วยแป้งผสมรองพื้นเนื้อเนียนละเอียดบางเบา ปกปิดริ้วรอยและความหมองคล้ำได้แนบเนียนควบคุมความมันและคงความชุ่มชื่น เผยความกระจ่างใสพร้อมปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยค่า SPF 25/PA++

วิธีการใช้ ใช้พัฟแตะเนื่อแป้งแล้วตบเบาๆ ให้ท่วใบหน้าและลำคอ เกลี่ยให้ทั่วจนเนื้อแป้งเข้ากับผิว

ราคา 290.- บาท


ความเป็นมา

ด้วยประสบการณ์ด้านความงามกว่า 20 ปีทำให้บริษัท โอซีซี จำกัด(มหาชน) มีความมุ่งมั่น และความพร้อมอย่างยิ่งที่จะสร้างสรรค์เครื่องสำอางที่มีรูปลักษณ์ทันสมัย และเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคซึ่งเป็นกลุ่มหนุ่มสาวอายุระหว่าง 18-35 ปี ผู้พร้อมที่จะเปลี่ยนตัวเองให้สดใสอย่างมีสไตล์ตลอดเวลา ด้วยเหตุผลดังกล่าวเครื่องสำอาง KMA จึงเปิดตัวขึ้น และ เริ่มต้นเป็นที่รู้จักจากการที่เมคอัพอาร์ตทิสต์ได้นำผลิตภัณฑ์ไปใช้แต่งหน้าให้กับเหล่าศิลปิน, นางแบบ และนักแสดงในวงการบันเทิง ด้วยคุณภาพของสินค้าที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพผิวของหนุ่มสาวชาวเอเซีย กับสีสันของ Make up ที่ปรับเปลี่ยนไปตามกระแสแฟชั่น ทำให้สินค้าภายใต้แบรนด์ KMA เติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง และเป็นที่ยอมรับอย่างรวดเร็วทั้งในกลุ่มของเมคอัพอาร์ตทิสต์, ศิลปิน, นักแสดง รวมทั้งผู้บริโภคกลุ่ม เป้าหมาย และจากกระแสตอบรับดังกล่าวได้ผลักดันให้ KMA สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ออกสู่ท้องตลาดอย่างต่อเนื่อง สินค้าทุกคอลเลคชั่นของ KMA ได้สร้างสีสัน และความสนุกสนานในการเติมแต่ง ภายใต้คอนเซ็ป 'Sense of Happiness'ผิวที่สวยที่สุด คือผิวที่ฉายไปด้วยประกายแห่งความสุข

ปัจจุบัน KMA มีสินค้ารวมทั้งหมดกว่า 100 รายการ ทั้งที่ผลิตขึ้นในประเทศไทย และนำเข้าจากทั่วทุกมุมโลก โดยแบ่งสินค้าออกเป็น 3 กลุ่ม คือ Skin Care , Make up และ Accessory ที่มีความล้ำสมัย โดยสินค้าทั้งหมดวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และ Cosmetics shop ทั่วประเทศ


SWOT
S = Strength รูปลักษณ์ของสินค้าที่แปลกใหม่ เผยความงามจากเทพนิยาย ผสานไอเดียและสีสัน ใหม่

ด้วย 3D Effect

W = Weakness ตัวแพ็คเก็จ ทำด้วยกระดาษแข็งดูไม่แข็งแรง บอบบาง

O = Opportunity ตอบสนองความต้องการ ชีวิตที่เต็มไปด้วยความสดใสของสาววัยรุ่น

T = Threat ด้วยราคาของสินค้าที่มีราคาค่อยข้างสูง ทำให้ลดโอกาสในการซื้อ หันไปเล็งถึงความ

จำเป็นก่อน ความต้องการ


3. วัตถุประสงค์ (Objective)

- เพื่อตอบสนองหรือเอาใจวัยรุ่น ด้วยรูปโฉมใหม่

- เพื่อให้ทั้งคุณและคนรอบข้างเกิดความ พึงพอใจในความงามอย่างสูงสุด

- เพื่อต้องการเป็นผู้นำด้านดูแลความงามอย่างมืออาชีพ




4. กลุ่มเป้าหมายหลัก (Main Target)

หนุ่มสาวอายุระหว่าง 18-35 ปี


5. Concept
มนต์สะกดแห่งความงาม


6. Support
เมื่อคุณใช้แป้ง เคลียร์ ไวท์ พาวเดอร์ เค้ก จะมอบความงามสวยน่ารักหรือมีเสน่ห์เย้ายวน เพื่อให้ทั้งคุณและคนรอบข้างเกิดความพึงพอใจในความงามสูงสุด ด้วยประสิทธิภาพของ แป้ง เคลียร์ ไวท์ พาวเดอร์ เค้ก แป้งที่ผสมรองพื้นเนื้อเนียนละเอียด ช่วยปกปิดริ้วรอยความหมองคล้ำ ได้แนบเนียน พร้อมทั้งยังช่วยควบคุมความมัน และคงความชุ่มชื่น ยังป้องกันแดดด้วยค่า SPF 25 / PA++ พร้อมเผยความกระจ่างใส ผิวหน้าขาวบริสุทธิ์ สะดุดตา สะดุดใจ
7. Mood & Tone/ Personality

- Beautiful





- Loveliness





- Mythology





8. Desired response
- กลุ่มเป้าหมาย เกิดความประทับใจ ในรูปโฉมใหม่ ของผลิตภัณฑ์ ที่ดูน่ารัก โดนใจวัยทีน
- กลุ่มเป้าหมาย เกิดความพึงพอใจในประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ ทำให้ คุณและคนรอบข้างเกิด ความพึงพอใจ กับสินค้า
- กลุ่มเป้าหมาย เกิดความไว้วางใจใน แบรนด์ และ ผลิตภัณฑ์ ให้เป็นผู้นำด้านความงาม อย่างมืออาชีพ

การออกแบบเพื่อการนำเสนอ 17/11/09

Cource Desciption ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการสร้างสื่อเพื่อการนำเสนอสารสนเทศ ในภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียงเป็นเรื่องราวในการประชาสัมพันธ์ตลาดโฆษณาสื่อมวลชน



Adobe Photoshop ตกแต่งภาพ รีทัศน์ภาพเก่าให้ดูสวยทันสมัย

Adobe Illustretor สร้างภาพลายเส้นที่มีความละเอียด และความคมชัดสูง งานกราฟิก 2 มิติ สามารถประเภทการจัดตัวอักษร และการจัดหน้าสิ่งพิมพ์ ได้เป็นอย่างดี

- Bitmap ภาพเหมือนจริง

- Vector ภาพลายเส้น

Macromedia Flash เป็นโปรแกรมที่ใช้เพื่อการนำเสนอจัดทำภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียง